มันคืออะไร

.

.

เพื่อไม่ให้บล็อกเงียบเหงาเกินไป เหตุเพราะไอ้ซูมไม่เขียนตามสัญญา

วันนี้มีเรื่องมาเล่าจากสาขาเจนีวา มาดูกันว่าเรามีกิจกรรมอะไรกันบ้าง

(1) เตาผิงนั่นมันคืออะไร

ใครที่เคยมีวาสนาได้ไปเยือนบ้านของบู โจ๊ะเอ๊ะ…. อ้าว ก็โจ๊ะเอ๊ะไง ชื่อโต๊ะที่คณะเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ คณะที่เด็กหล่อๆ น่ะ… โอเค บูเฉยๆ ก็ได้ พิมพ์ง่ายกว่า กลับมาต่อ… ใครที่เคยไปบ้านบูคงจะนึกภาพตามออก เมื่อเราย่างกรายเข้าไป สิ่งแรกที่ทำให้คุณต้องอึ้งก็คือ โทรทัศน์จอใหญ่มาก ใหญ่จนถ้าเราดูหนังก็จะได้เห็นตัวแสดงเท่าตัวจริง

ในใจฆ้อนคิดว่า “จอนี้นะเว้ย ถ้าเล่นบอมเบอร์แมนแม่งต้องมันเหี้ยๆ”

ในใจเจ๋งคิดว่า “ดูหนังการ์ตูน เย้”

ในใจก้ามปูคิดว่า “อยากลองเข้าไปอยู่ในนั้นจัง…”

ในใจผมคิดว่า “อืมมม ถ้าเราชวนบูดูบอลที่นี่คงจะเจ๋งเป้ง”

ในใจมิ้นคิดว่า “โห… อยากได้ อยากได้ อยากได้ อยากได้… (ขี้เกียจพิมพ์ซ้ำอีกสิบคำ)”

ครับ สมาชิกของเราใน movie night วันอาทิตย์รวมบูด้วยก็เป็นหกคน หนังที่เข้าโปรแกรมฉายได้แก่ suckseed กับ black swan

เรื่อง suckseed ก็ดูสนุกดี แต่เห็นฆ้อนไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะดูไปแค่กลางเรื่องก็ลุกออกจากโรงเฉยเลย ส่วนเรื่องที่สอง หากใครอยากรู้ว่าเจ๋งแค่ไหนลองไปหาอ่านใน fb ของมิ้นได้ครับ (โฆษณาคั่น)

ส่วนที่จั่วหัวไว้เกี่ยวกับเตาผิงนั้นก็เพราะว่าที่บ้านบูมีโถแก้วอันหนึ่ง รูปร่างดู modern มาก ตั้มน่าจะชอบและอาจเคยคิดจะเอาไปประดับคอนโดที่เมืองไทยเพราะดูเข้าคอนเซปต์คนเมืองรุ่นใหม่ หลังจากทุกคนงงงวยกันพอหอมปากหอมคอ บูก็ได้แสดงให้ดูถึงการจุดไฟในเตานั้น ซึ่งมันก็ให้เปลวเพลิงลุกโชนสวยงาม เหมาะกับยามค่ำคืนอย่างยิ่ง ถ้าใครมีโอกาสลองไปเยี่ยมชมดูครับ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวเมืองเจนีวาเริ่มจะภูมิใจ

“อุ่นดีมั๊ยวะ บู”

“ไม่เลย ตอนที่ซื้อมานึกว่าอุ่น นํ้ามันที่เติมก็แพง”

“อ๋อ แบบนี้นี่เองที่ซูมกับเจ๋งเรียกเตาเผาตังค์”

“อืมม ตอนแรกที่ฟังว่าเผาตังค์ก็นึกว่าไว้ใช้เผากงเต๊ก…”

ประโยดสุดท้ายนั่นผมไม่ได้พูดนะ…
.

.

เล่าอีกกิจกรรมให้ฟังต่อดีกว่า ไหนๆ ไอ้ซังก็ไม่ยอมเขียนอะไรมาขัดจิตพวกเราเสียที

.

.

(2) เขียวๆ นั่นมันคืออะไร

วันแห่งกิจกรรมยังคงคุกรุ่นเมืองเจนีวา คุขนาดที่ว่ามีชาวเมืองอื่นมาสมทบกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากชาวซูริคหนีภัยกลับเมือง คราวนี้หนุ่มเมืองหลวงก็ได้หอบหิ้วหนุ่มโลซานน์กันมาตั้งโรงเรียน “ศิลปะการวาดภาพสีน้ำมันให้ไม่เหมือนต้นแบบ” ณ ห้องนั่งเล่นของปุเรงขนาดหนึ่งเตาผิงแห่งนี้ หากใครสนใจชมผลงานที่ออกแสดงก็เชิญชมได้ที่ fb ของเจ๋ง

อาจารย์ยอด มิ้น(ป.โท) เจ๋งและวัส(ป.ตรี) เมื่อได้โจทย์ของตัวเองก็เริ่มลงมือวาดกันอย่างไม่รอช้า วาดไปลงสีไปก็เริ่มมองงานของคนอื่นไป เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นในใจ และบางอาการถูกเปล่งออกมาเป็นคำพูดด้วย

“เฮ้ย… ทำไมของมันดูสวยกว่ากูวะ”

“อืมมม… ใช้สีตามมันดีมั๊ย”

“ทำไมภูเขามันวาดยากอย่างนี้ว่ะ กูมั่วเลยแล้วกัน”

“ลงสียังไงให้มีความลึกล่ะ”

“พี่มิ้นแม่ง ป.โทจริงๆ ด้วยว่ะ” (โฆษณาคั่น)

“ของกูทำไมออกมาเป็นงี้วะ”

“ยอดแม่ง impressionism ว่ะ”

“เหี้ย.. อยากไปปารีสด้วย”

“ไอ้วัสมันต้องเคยเรียนวาดรูปมาก่อนแน่ๆ เลย”

“ถ่ายรูปผลงาน”

.

.

“เจ๋ง เขียวๆ นั่นอะไรวะ”

.

.