.
.
คราวนี้เรามามองฝ่ายผู้เลือกกันบ้าง
พี่ป้อง ซึ่งเสน่ห์กระฉ่อนทะเลสาบ Leman วันนี้จับคู่ดูโอกับพี่เมี่ยว ซึ่งเป็นที่หมายปอง ของหนุ่มๆ ทั่วแคว้น Romande ไม่แพ้กัน นั่นก็รวมทั้งซังและซูมของเราด้วย แต่ไม่ใช่ว่าทั้งสองจะคบใครก็ได้ หากจะออกเดททั้งทีก็ต้องมี preference กันบ้าง
มาดูบทสัมภาษณ์ประกอบก่อน
- ถาม: ถ้าให้เลือกระหว่างคนดีกับคนเลวพี่ป้องจะเลือกใครครับ
- พี่ป้อง: พี่ว่าคนดีมันเลี่ยนไปหรือเปล่า ชีวิตไม่ตื่นเต้นเลย เอาความดีออกไปแล้วมีอย่างอื่นทดแทนดีกว่ามั๊ย
- ถาม: ทดแทน? เช่น รวยคารม คมที่หน้าตา พาหนะสองประตู?
- พี่ป้อง : นั่นแหละๆ ถ้ามีพวกนี้ทดแทน พี่ยอมให้เลวขึ้นเยอะๆ เลย
- พี่เมี่ยวแทรก: จะดีเหรอพี่ป้อง หนูว่าของพวกนั้นมันแทนความดีของคนไม่ได้หรอก
- พี่ป้อง : ได้สิเมี่ยว พี่ยอมให้เลวขึ้นสิบขุมนรกเลยถ้าผู้ชายคนนั้นจะผมยาวขึ้นอีกหนึ่งนิ้ว พูดเช็ดคำเอี้ยคำบ่อยขึ้นอีกหน่อย แบบว่าสุดท้ายแล้วพี่คงพอใจเท่ากัน ทดแทนกันได้น่ะ
- พี่เมี่ยว : เหรอพี่ ของหนูนะถ้าความดีลดลงนิดเดียว คนนั้นก็ต้องมีอะไรมาแทนมากๆๆๆ หนูถึงจะว่าโอเค เช่น รวยขึ้นร้อยล้านนู่น
- พี่ป้อง : แหมเธอ มันกินไม่ได้นะความดีน่ะ ของพี่รวยขึ้น 100 บาท หรือมีรอยสักเพิ่มหนึ่งรอย ก็ทดแทนได้แล้ว 555
- คนถาม : หยุดก่อนทั้งสองคน…
จากข้อมูลที่ได้ เรามาดูเส้นความพอใจเท่ากันของพี่ทั้งสองดีกว่า
“เส้นความพอใจเท่ากัน” เป็นเส้นที่บ่งบอกว่า สำหรับคนคนหนึ่ง ทุกจุดบนเส้นจะแสดงค่าความพึงพอใจที่เท่ากันต่อของสองสิ่ง(ที่อยู่บนแกน X และ Y) นั่นคือ ถ้าหากเราลดสิ่งหนึ่งลงโดยเพิ่มอีกสิ่งหนึ่งมาแทน เราก็จะพอใจเท่าเดิมได้นั่นเอง
หากเราให้สองสิ่งที่จะเปรียบเทียบในที่นี้เป็นคุณสมบัติชายหนุ่มในเรื่อง “ความดี” กับ “คุณสมบัติอื่นๆ” แล้ว เส้นความพอใจเท่ากันของวง 30PM (Pong&Miaw) ของเราจะเป็นอย่างไร?
รูปข้างต้นเป็นลักษณะความพอใจของทั้งสองมาดาม หมายความว่า ผู้ชายที่มีสัดส่วน (ความดี, อื่นๆ) ที่จุด A จะถูกพิจารณาว่า “น่าคบหา” เท่าเทียมกับคนที่มีสัดส่วนที่จุด B เอาเป็นว่า A กับ B ทดแทนกันได้สมบูรณ์นั่นเอง (เพราะแม้ B มีความดีน้อยลงแต่มีอย่างอื่นเพิ่มขึ้น เช่น หน้าตาดีกว่า รวยกว่า หรือ ติดคดีมากกว่า ก็เลยพอใจเท่ากับ A)
สำหรับพี่ป้อง การที่เส้นชันมากก็เพราะความดีที่เปลี่ยนแปลงมากๆ (จากจุด A ไป Bจะเห็นความดีว่าลดลงฮวบฮาบ) ทดแทนได้ด้วยคุณสมบัติอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นแค่นิดเดียว (จากจุด A ไป B บนแกน “อื่นๆ” เพิ่มขึ้นนิดเดียว) ความที่ชันมากแสดงทัศนคติของพี่ป้องที่มีต่อความดีว่า “กินไม่ได้”
หากไปถามความเห็นของนักจิตวิทยา ก็อาจจะได้ว่า เพราะในวัยเด็ก พี่ป้องดูหนังแนว “โหด เลว ดี” “ผู้หญิงข้า…ใครอย่าแตะ” หรือ “เข้าแกงส์ไหนหัวหน้าตายหมด” มามาก ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังเป็นเด็กถา’ปัตย์มาก่อน แถมยังซึมซับวัฒนธรรมยากูซ่าจากแฟนเก่ามาก็เยอะ จึงไม่แปลกที่เส้น” ชายในอุดมคติ” ของพี่ป้องจะออกมาเช่นนี้
เช่นกัน สำหรับพี่เมี่ยวที่ยกย่องคุนงามความดีของคนมาก่อนอย่างอื่น การที่จะเปลี่ยนจากจุด A ไป B โดยให้ความพอใจยังคงเท่าเดิมได้นั้น ความดีที่ลดลงเพียงนิดเดียวจึงต้องทดแทนด้วยคุณสมบัติอื่นๆ มากๆ เส้นของเราเลยลาดมากอย่างที่เห็น
ส่วนที่แสดงรูปสองเส้นก็เพราะต้องการอธิบายว่า เส้นที่สูงกว่าให้ค่าความพอใจที่มากขึ้นนั่นเอง (ความจริงแล้วในแผนภูมินี้มีหลายเส้นนับไม่ถ้วนขนานกันไปเรื่อยๆ)
.
.
ก่อนที่จะเครียดเกินและไม่มีคนอ่านต่อ (หรือเลิกอ่านกันไปแล้ว?) เรามาดูผลสรุปเลยแล้วกัน โดยเอารูปเอกซเรย์ชีวิตรักของคนทั้งสองฝ่ายมาพล็อตรวมกัน เพื่อดูดุลยภาพ
ดุลยภาพของพี่ป้องจะได้เช่นนี้
ที่จุดสัมผัส “1” คือความพอใจที่มากที่สุดเท่าที่ “พี่ป้อง” จะมีให้ซังได้ กล่าวคือ หากซังจะทำให้พี่ป้องพอใจสูงสุด ต้องทำตัวเองให้ได้พิกัดสัดส่วน (ความดี, อื่นๆ) ณ จุด 1 ส่วนสัดส่วนที่นอกเหนือจากนั้นมีแต่จะทำให้พี่ป้องพอใจน้อยลง (เส้นความพอใจเส้นต่ำลง) ซึ่งสำหรับซังก็จะได้แค่จุด 1 ไม่สามารถไปอยู่บนเส้นความพอใจที่สูงกว่าได้ จึงไม่มีความเป็นไปได้ไหนเลยที่ซังจะทำให้พี่ป้องพอใจได้มากกว่านี้ได้
ในขณะเดียวกัน หากซูมทำตัวเองให้ได้สัดส่วนที่จุด 2 จะเห็นว่ามันจะสัมผัสเส้นความพอใจของพี่ป้องที่ “สูงกว่า” ของซังได้ ซึ่งก็คือพอใจมากกว่า รักมากกว่า อยากไปเดทด้วยมากกว่านั่นเอง
หากมาดูดุลยภาพของพี่เมี่ยวบ้าง เราก็ต้องใช้แผนภูมิเส้นความพอใจเท่ากันของพี่เมี่ยวมาแปะ จะเห็นว่าพอเส้นมีความลาดมากๆ ซังจะกลับมามีภาษีดีกว่าซูมทันที คือถ้าซังมีสัดส่วน (ความดี, อื่นๆ) ที่จุด 3 ก็จะสัมผัสเส้นความพอใจที่สูงกว่าซูม ซึ่งพยายามให้ตายยังไงก็ได้แค่จุด 4 ซึ่งสัมผัสเส้นความพอใจต่ำกว่า
ที่อธิบายมาทั้งหมดนี้ให้ดูยุ่งยากและปวดสมอง เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า กลไกของ “การเลือก” ของชายหญิงนั้น ไม่ใช่แค่พูดขึ้นมากันลอยๆ ว่า “สเปกชั้นเป็นแบบนั้น แบบนี้” หรือเพียงแค่กล่าวกันไปว่า “ไม่มีเหตุผล ชั้นชอบของชั้นแบบนี้” แบบอธิบายไม่ได้ หรือ ยกประโยชน์ให้พรหมลิขิตกันไปข้างๆ คูๆ
แต่สิ่งเหล่านี้สามารถอธิบายที่มาที่ไปได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ และ ด้วยมายากลของเศรษฐศาสตร์
เป็นสามศาสตร์ที่เกี่ยวโยงกับความรักเสียยิ่งกว่า ศิลปศาสตร์ ภาษาศาสตร์ หรือแม้แต่ไสยศาสตร์ เสียอีก
.
.
บทสรุปนิยายรักหักเทือกเขาแอลป์
เราจะเห็นได้ว่าทั้งซังกับซูมดูรวมๆ แล้วแม้มีคุณสมบัติพอๆ กัน (พื้นที่ใต้เส้นโค้งเท่ากัน) แต่พี่ป้อง กลับพึงใจซูมมากกว่า ในขณะที่พี่เมี่ยวเลือกออกเดทกับซังโดยละม่อม
เห็นได้จากรูปว่า จุด 2 ของพี่ป้องนั้น ความดีน้อยกว่าจุด 1 ตั้งเยอะ แต่ว่าพี่ป้องก็ไม่สน เพราะอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า สำหรับพี่ป้องนั้นความรักไม่ได้มีไว้มอบให้กับคนดีเสมอไป
พี่ป้องจึงได้แต่ลูบไล้ผมยุ่งๆ ของซูมแล้วหันมาบอกกับซังว่า
“ซัง… เธอดีเกินไป”
.
.
กรีดร้อง สุดตีน พี่นัตแม่งเขียนเก่งว่ะ
ชอบตอนจบด้วย ลูบผมยุ่ง ๆ ห้าๆ อาจจะต้องบอกว่า แก”ดี” และ “อ้วน” เกินไปว่ะ
55555555555555555555555555555555555555555555555
ชอบบทสนทนาของพี่ป้องกับพี่เมี่ยว ตรงที่เก็บเอาคำพูดในแบบฉบับของทั้งสองคนมาใช้ได้อย่างแนบเนียน
ส่วนข้างล่างขอสารภาพว่าอ่านข้ามๆ เห็นกราฟแล้วเวียนหัว กินข้าวแล้วจะมาอ่านใหม่นะพี่นัต
นั่นเป็นที่มาของสุภาษิต Classic ว่า “ชอบคนดี รักคนเลว แต่งงานกับคนรวย”. ; )
ขำๆนะครับ อย่าซีเรียส เห็นแล้วมันอดไม่ไหวจริงๆ…
ใครอ่านรู้เรื่องมาถกกันได้เลยครับ บอกได้เลยว่าทฤษฏีข้างล่างของจริงล้วนๆ ^^
#include<>
Conjugate variables (Goodness & Elseness)
Conservation of time (Theoretical area under curve of conjugate variables is constant)
Persodynamics system (Omega(good, else))
Persodynamics efficiency limit (Allocation of area has non-ideal efficiency < 1).
Satisfactoric function (gives determinant of the given system)
Isosatisfactoric level (level of systems with same determinants given by above function)
(Some) application:
Heisenburg uncertainty: d(good) * d(else) >= hbar
– i.e, the product of changes in goodness and elseness has to be greater than lower quantum limit.
– i,e, You can’t significantly change both variables at the same time.
Relativistic (Lorentz) transformation
– The given conj vars (goodness, elseness) is variant under lorentz transformation
– i.e, value of given conj vars is different under different frame of reference.
– i.e, value of given conj vars has no absolute (universal) values
– i.e, value of goodness-elseness depends on observator.
– The quadrivector of given conj vars (including their scalar product) is invariant under such transformation.
– i.e, given two set of quadrivector (‘system’), their scalar product is invariant.
– i.e, given two people, the scalar product of their vars (goodness, elseness) is always constant
– i.e, given two people, their ‘compatibility’ product is not effect by other vars/people.
– However, given that the system is dynamic, the scalar product remains a function of time).
Thermodynamics potential (Let internal energy U = Good*Else)
> dU/dS = T (S is entropy, T is temperature)
– i.e, The more ‘chaos’ (entropy) you are, the less ‘hot’ (temperature) you will be.
> dU/dV = -P (V is volume, P is pressure)
– i.e The more friendy you are (higher volume), the less you can feel the pressure exerted by other system onto you.
> dU/dMu = -N (Mu is chemical potential (barrier), N is number of particle)
– i.e, The greater chemical potential you are, the less particles will leave the system
– i.e, The greater attractive potential you are, the less probable someone will leave you…
ท๊อป พี่อ่านแล้วเข้าใจรูเรื่องเป็นบรรทัดๆ ไปว่ะ (ไม่ทุกบรรทัดด้วย) แต่โมเดลนี้มันต้องมีอะไรให้ imply มากกว่านั้นใช่มั๊ย ไว้อธิบายปากเปล่าให้ฟังเมื่อเจอกันอีกทีว่ะ
มีครับ แบบว่าโมเดลพี่รากฐานดีมาก ตั้งสมมติฐานอะไรนิดเดียวต่อยอดไปได้อีกเยอะ 555 เพิ่มพูนความขลังขึ้นอีกระดับ
กรี๊ดดดด โดนพาดพิงเต็มๆ
เสริมนิดหน่อยว่า ความลาดชันนี่นอกจากประสบการณ์แล้ว อาจะเกี่ยวข้องกับอายุโดยตรง อิอิอิ
พี่นัต เจอกันครั้งหน้า พี่ต้องอธิบายเส้น Utility ให้ฟังด้วยนะคับ ขอละเอียด ๆ เป็นสิ่งที่อยากรู้มานานแล้ว (เส้นที่ผมใช้อยู่ เหมือนประยุกต์มาจากเส้นของพี่อีกที เพื่อใช้อธิบายความพึงพอใจของนักลงทุนที่มีระดับการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากน้อยต่างกัน (Risk averse))
ท้อป ไอ้ทฤษฏีที่บอกว่าขำ ๆ เนี่ย กรุณาชี้แจงด่วน เจอกันครั้งหน้า (มันประยุกต์อะไรกัน ความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก เทอร์โมไดนามิกซ์)
โอเคว่ะวัท ต้องคุยกับท๊อปด้วยเหมือนกัน