ลงเขาครั้งที่สอง

.

.

ผมตั้งใจว่าจะบันทึกเกี่ยวกับการไปสกีทุกครั้ง เพราะแต่ละครั้งย่อมได้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีเวลา เอาเป็นว่าคงได้พูดถึงเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นเด่นๆ ก็คงเพียงพอ

Flaine เป็นสถานีสกีที่เราไปกันบ่อยที่สุด ผู้ที่รู้จักหิมะเกือบจะทุกก้อนที่นั่นน่าจะได้แก่ ฆ้อน ซูม และบู ซึ่งฤดูกาลที่แล้ว (หน้าหนาว 2554) ได้ไปหัดเล่นสโนว์บอร์ดใน โหมด “ล้มไม่กลัว กลัวไม่เท่” กันมาอย่างสะบักสะบอม

ปีนี้แม้สองชื่อหลังจะไม่ได้มาร่วมก๊วน แต่ฆ้อนได้ฉีกยี่ห้อมือใหม่ทิ้งและมาในมาดนักสโนบอร์ดมือหนึ่ง เมื่อรวมผม อาจารย์ท๊อป ยอด และวัส เราก็ได้สมาชิกรวม 5 คน ขึ้นไปสำรวจแทร็คสกี Flaine แบบของจริง ความสนุกที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งของสกี(และสโนว์บอร์ด แต่จะขอเรียกสกีเฉยๆ เพื่อความง่ายในการพิมพ์) ก็คือ การที่เราได้สู้กับความชันร่วมกัน (ถึงแม้ต่างคนจะต่างไถลมาด้วยตัวเอง) ที่บอกว่าร่วมกันหมายถึงเราต้องวางกลยุทธ เช่น จากแทร็คนี้จะไปต่อตรงนั้นแล้วจะไปขึ้นลิฟท์นี้เพื่อไปตรงนั้นต่อ… แล้วเรายังต้องเลือกที่กินข้าว จุดแวะพัก จุดถ่ายรูป และตัดสินใจลองของใหม่ๆ ร่วมกันด้วย สำหรับผมการสกีจึงถือเป็นการผจญภัยสำเร็จรูปอีกอย่างหนึ่งที่อร่อยกว่ามาม่าหลายช่วงตัวนัก

วันนั้นก็มีสิ่งที่สมควรบันทึกไว้อย่างยิ่ง เพราะหลังจากจัดการแทร็คสีแดงกันจนสนุกมือแล้ว เราก็ตัดสินใจลองแทร็คสีดำดู วัสกับยอดซึ่งชั่วโมงบินน้อยกว่าคนอื่นเป็นผู้คอนเฟิร์มประทับตราอนุมัติว่า “เราน่าจะเอาอยู่”

ว่ากันว่าใครไม่ได้ลองแทร็คที่ชื่อ diamond noir (เพชรสีดำ) ก็ยังถือว่ามาไม่ถึง Flaine

เราไปถึงแล้ว!

ขอแนะนำเพชรสีดำก่อน เพชรเม็ดนี้แบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ตรงส่วนหัวเพชรนั้นมีส่วนตะปุ่มตะป่ำอยู่บ้่างแต่ไม่ได้ถูกตัดจนชันเกินไป ตรงพื้นที่ส่วนนี้เป็นที่ร่ำลือกันหนาหูว่า “ผมยังไม่เห็นร่องรอยของความยากเลยว่ะ”

ว่ากันว่าเพชรนั้นมีคุณสมบัติที่หลอกให้คนติดกับเอาง่ายๆ จากประกายแรกเห็น จากความสวยงาม และจากมูลค่าของมัน กว่าที่คนเราจะรู้ว่าหลงติดกับในเพชรก็อาจจะเสียคนไปเลยทีเดียว

และยิ่งเป็นเพชรสีดำ กว่าที่พวกเราจะรู้ว่าหลงติดกับ เราต่างก็ได้เสียคนไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนที่สองของเพชรสีดำมีส่วนผสมของสถานที่ที่ใช้ฆ่าตัวตายครบถ้วน พื้นที่ที่ตัดเฉียงลงมาในลักษณะทิ้งดิ่ง ลูกระนาดที่ทั้งใหญ่และลึกของมันราวกับถูกตั้งใจเจียรไนมาเพื่อให้คนที่พบเห็นต้องรู้สึกสติแตก และคนที่ตกลงไปกระแทกให้มีอันเครื่องในย้ายที่ไปมา คนที่พลาดท่าให้กับมันไม่สามารถทำอะไรที่แสดงให้เห็นว่าต้านทานแรงจีได้เลย

สำหรับท๊อป มันเป็นส่วนที่ “ต้องใช้ท่านั่งลงมาตั้งนาน กว่าจะได้ลุกขึ้นมา”

ยอดผู้ที่คิดว่าตัวเองไม่น่าจะติดกับ ได้ให้ความเห็นแบบจำนนว่ามันเป็น “point of no-return”

ส่วนวัสผู้นิยมไปข้างหน้าด้วยความเร็ว แต่กลับมาลุ่มหลงเพชรเม็ดนี้ไม่ยอมไปไหนเพราะ “ไม่ไหวแล้ว ต้องมีศักยภาพมากกว่านี้”

ในขณะที่ผมเองได้ตะโกนพูดกับฆ้อนผู้ลงไปนับศพทหารล่วงหน้าว่า “ฆ่าตัวตายแล้วโว้ย” ในจังหวะที่กลั้นใจไถสกีลงไปอย่างหมดท่า

ทั้งหมดนี้ไม่ขอพูดถึงว่ายอดถอดสกีออกเพราะตั้งใจจะเดินลงแต่กลับลื่นไถลลงมาสามร้อยเมตรแบบหยุดไม่ได้ ความฟุ้งของหิมะสวยงามจนเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมบนลิฟท์กึกก้อง ไม่ขอพูดถึงว่าอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งบนแทร็คสกีซึ่งท๊อปกับวัสถือว่ายังโชคดีที่แม้ถูกคนลื่นไถลลงมาชนแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด (คนที่บาดเจ็บกลับเป็นฆ้อนซึ่งก่อนหน้านี้ใช้ความเปรี้ยวส่วนตัวเหาะออกไปนอกแทร็คจนจมหิมะ)

เพชรสีดำช่วงสุดท้ายแม้ประกายจะออกแดงๆ ฟ้าๆ แล้ว แต่เราก็ยังขวัญเสียสกีลงมากันอย่างทุลักทุเล เรียกว่าเราทั้ง 5 คนใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะปราบหัวหน้าด่านได้ จบการผจญภัยที่ต้องไปฝึกฝนมาเพิ่มเติมอีกมากจึงจะสามารถกลับมาอีกครั้งแบบพร้อมไปถึงจิตวิญญาณ

อย่างไรก็ดี ดั่งนายพรานมือฉกาจที่ได้สู้กับเสือมาแล้ว จะให้มาสู้กับปุเรงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ฉันใดก็ฉันนั้น เวลาที่เหลือของ “การลงเขา” บ่ายวันนั้น ไม่มีแทร็คสีแดงใดๆ ที่น่ากลัวอีกต่อไป (ตราบที่สีแดงนั้นไม่ใช่เนินกระโดดผาดโผนที่เราไปล้มคว่ำกันอีก 4 ใน 5 คน โดยมียอดคนเดียวที่เป็นผู้รอดชีวิต)

จบการเล่นสกีที่ Flaine ที่เราจะสรุปเรื่องราวสั้นๆ ด้วยส่วนประกอบหลัก 5 อย่างต่อไปนี้

อ๊อฟกับลูกเกดชุดสกีใหม่เอี่ยม

พี่ป้องกับพี่อาร์ทคู่เดทผิดที่ผิดทาง

diamond noir ทุ่งสังหารหมู่

fun park ศพกระจาย

และ…

ใครไม่ได้มาเสียชาติเกิดมาก

.

.

(ขออนุญาตเติม video, ฆ้อน)

3 thoughts on “ลงเขาครั้งที่สอง

Leave a reply to waan Cancel reply