ไม่ขำนะษาด (my first petit scherzo on blog writing)

วันนี้ไปซื้อข้าวสารร้านไทย

เจอเด็กเบบี้ลูกครึ่งไทย-สวิส ก็เลยเข้าไปทักเล่นๆเป็นภาษาไทยบ้างเยอรมันบ้าง มั่วไปเรื่อย

ผ่านไปซักสองนาที

แม่ของเด็ก(ซึ่งเป็นคนไทยแท้ๆ) ก็หันมาพูดกับเราว่า

“เรานี่พูดภาษาไทยเก่งจัง!!!”

……เหวอแดคเลยกรู……

เออ!!!! ผมคงดูเหมือนเด็กลูกติดมากสินะ…..

อะฮือๆ

จบ ;(

ไทยทักทาย!!! (my first petit impromptu on blog writing)

สวัสดีครับ,

ปกติผมค่อนข้างจะแอ้บพรีชิเอทวัฒนธรรมของยุโรปมากทีเดียว กล่าวคือ; ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสไหลเย็น ดนตรีไพเราะ อาหารอร่อย ภาษายากดี ไรแบบนี้

แต่มีอยู่เรื่องนึง ที่ผมยังรู้สึกเพลียๆกับมันอยู่ กล่าวคือ; การทักทายกันของคนที่นี่

แม่ง!

บางทีก็ต้องจับมือเฉยๆ บางที่ก็กอดเฉยๆ บางที่ก็กอดแล้วต้องเอามือเราไปลูบไล้แผ่นหลังเค้าเฉยๆ บางทีก็กอดแล้วก็ทำเสียงจ๊วบข้างแก้มสามทีสี่ที บางทีก็เข้าไปหอมซอกคอกันเฉยเลยก็มี (เอ่อ อย่างหลังสุดนี่คงไม่ใช่ระดับเพื่อนหรอกมั้งเนอะผมว่า)

แล้วเราหละ คนไทยแท้เกิดสมัยนายชวนเป็นนายก ซึ่งถูกสั่งสอนปาวปาวปาวนอกจากจะให้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แล้ว ยังต้องรักนวลล์สงวนตัว จะมาถูกเนื้อต้องตัวคนอื่นโดยเฉพาะเพศตรงข้าม ไม่ด้ายย มันดูไม่งาม คุณหญิงระเบียบรัตน์ไม่ชอบหรอกนะ

เมนเทิลลิตี้แบบนี้แหละ(แน่นอนว่าคงไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมาด้านบนอะนะ อย่าคิดมาก) ก็ติดตัวไพร่ไทยอย่างผมข้ามน้ำข้ามทะเล(แม่งเป็นสำนวนที่ซ้ำซ้อนจริงๆ ทะเลแม่งก็ต้องเป็นน้ำอยู่แล้วสิวะ)จากสยามมาถึงสวิส!!!

ตอนนี้เริ่มชินกับการจับมือทักทายแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เคยยื่นมือไปให้เค้าจับก่อนซักเท่าไหร่เพราะกลัวรู้สึกเด๋อ และก็ยังสงสัยอยู่จนบัดนี้ว่า เวลาจะจับมือทักทายกันข้างนอก ต้องถอดถุงมือแล้วจึงจับหรือไม่หว่า? คงจะสายไปแล้วมั้ง เพราะผมไม่เคยถอดถุงมือออกเลยอะตอนสัมผัสมือชาวบ้าน เฮี้ยเอ้ยยยยยกรู เด๋อชิบหายย ไม่เป็นไรเอาไว้หน้าหนาวรอบหน้าละกัน

ไอ้การกอดแล้วเอามือลูบๆหลังเค้า ก็เริ่มชินซะแล้ว แต่แน่นอนว่าผมคงไม่กล้าโผกอดเค้าก่อน เพราะก็ไม่รู้ว่าต้องสถานการ์ณแบบไหนจึงจะต้องกอด แต่ผมรู้สึกได้เลยว่าเวลากอดกัน ตัวผมจะต้องสั่นๆเหวอๆเล็กน้อยทุกครั้งไป คือไม่ค่อยแน่ใจว่าต้องเข้าไปแน่นอีกป่าววะ หรือยังกอดหลวมไป หรือต้องลูบหลังเค้านานเท่าไหรดีนะ เป็นจำนวนคู่หรือขี้ดีนะ ไรแบบนี้

ทีนี้แหละ! ไอ้แบบกอดกันแล้วทำเป็นเสียงหอมแก้มจ๊วบๆผลัดซ้ายทีขวาทีอะ(แน่นอนว่าต้องใช้ท่านี้กับเพศตรงข้ามเท่านั้น) ผมยังเพลียกับมันอยู่เลยเว้ยยยย เอาจริงๆนะ ยังไม่กล้าทำเลยแม่งเอ้ย มีกรณีตัวอย่างมาด้วยแหละ กล่าวคือ;

วันหนึ่งผมต้องไปปาร์ตี้ที่อาร์พารตเม้นของเพื่อนผู้หญิงชาวตุรกี พอเราไปถึงก็มีเพื่อนคนอื่นๆอีกสี่ห้าคนมาถึงพร้อมกัน เจ้าภาพก็เปิดประตูออกพร้อมเซย์เฮ้ลโล จากนั้นก็ลงมือกอดพร้อมสลับทำจ๊วบๆเรียงคิวเลยเว้ย!!!!!!!!!! เชี่ยและกรู กรูก็ยืนต่อคิวจะทักทายเค้าอยู่ ไอ้ข้างหน้าผมก็เป็นเพื่อนคนไทยอีกคน(ที่หล่อเป็นอันดับสองในเบริ์น:)แม่งก็เนียนทำไปได้ คือเอาจริงๆนะ ภาพตอนนั้นที่ผมเห็นคือหน้าเอเชียๆหัวดำๆอย่างเรามาทำปากจ๊วบๆ มันไม่เข้าหวะ มันเหมือนจับเอาฝรั่งมารำถวายพระพรอย่างเงี้ย คือยังไงมันก็ดูไม่เข้าเอาซะเลย พอถึงตาผมต้องทักเจ้าบ้าน ผมก็เลยจับมือเซย์ฮ้าโล แล้วก็บอกเค้าไปอย่างไม่ค่อยเต็มปาก ประมาณว่า sorry, but I don’t get used to hug when we greet, so maybe it’s better not to do so…แล้วก็พูดสุยๆไปนิดนึงต่อว่า i mean in thailand we just say hello but without hugging ไรแบบนี้ เจ้าบ้านเค้าก็ โอ้วๆๆๆๆโอเคๆๆไอซี

แต่กูเนี่ย ร้อนผ่าวไปทั้งตัวเลยแม่ง คิดอยู่พักนึงเลยว่ากรูไม่น่าพูดอย่างนั้นออกไปเล้ย มันดูโง่ๆยังไงไม่รู้ว่าป่าว แต่ก็ตอนนั้นทำไปด้วยอารมณ์ตกใจจริงๆนะ

เออ แต่ช่างแม่ง ปารตี้นั้นก็ผ่านไป พอเจอเพื่อนคนนั้นอีกก็คุยทักทายกันดีอย่างราบรื่น เราก็เป็นเพื่อนกันได้ดีนี่นา

นั่นแปลว่า………….ถึงแม้ผมจะไม่กล้าใช้กายเป็นเครื่องมือในการทักทาย แต่ใจของผมหนะ ได้ทักไปแล้ว ฮิ้ววววววววววววว!!!

สรุปอีกทีว่า………สำหรับเพื่อนมนุษย์ทุกคน ภาษาใจ ไม่ต้องใช้แกรมม่าใดๆ!!!! ฮิ้ววววววววววว อีกที!!!

เห็นควนด้วยมั้ยครับ พี่น้องครับ?

(ปล. ส่วนเคสสุดท้าย ไอ้ที่เค้าไปหอมซอกคอกันนั้น ผมเองต้องออกตัวก่อนเลยว่าหนักใจมาก เพราะใต้คอผมเป็นสิวเต็มไปหมด เห็นใจฝั่งตรงข้ามจริงๆ ดีแล้วแหละที่ยังไม่เคยมีใครมาทำ 555)