เช้านี้เป็นเช้าวันแรกของวันหยุดยาวเนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ โดยสิ่งที่ผมและหลายๆคนกลัวมากในวันแรกของวันหยุดยาวเช่นก็ได้เกิดขึ้นกับผมอย่างที่ผมหลบหลีกไม่พ้น ผมตื่นขึ้นมาในเวลาเจ็ดโมงครึ่งโดยไม่มิได้ใครหรืออะไรมาปลุกผมแต่อย่างใด แน่นอนผมก็ลองนอนต่อตามสูตร ซึ่งก็แน่นอนอีกว่าได้แค่พลิกตัวไปมาบนเตียง พลิกไปก็พลิกมาจนถึงเวลาราวแปดโมงครึ่งจึงทำใจยอมแพ้ต่อชะตากรรมและลุกขึ้นมาหาอะไรทำ
ตื่นมาเช้าๆอย่างนี้จะให้ทำอะไรล่ะครับ ผมก็ไปเข้าห้องน้ำก่อนตามขั้นตอน พอออกจากห้องน้ำมันก็หิวเล็กๆตามขั้นตอนอีก ผมจึงเดินไปที่ครัวเพื่อรับประทานอาหารเช้า
เปิดประตูเข้าครัวไปก็พบรูมเมทชาวสวิสเยอรมันนั่งตักซีเรียลเข้าปากอยู่ก่อนแล้ว ผมกล่าวสวัสดีแล้วก็หยิบขนมปังมาหั่นใส่จาน ชงชาหนึ่งแก้ว เปิดตู้เย็นหยิบเนยและน้ำผึ้งมาทาขนมปังแล้วก็น้ำทั้งหมดนั้นไปนั่งตรงข้ามรูมเมท เธอชื่อโจฮานน่า
ผมนั่งลงปุ๊ปโจฮานน่าก็ลุกขึ้นปั๊บ เหตุเพราะกาแฟที่เธอต้มไว้นั้นเดือดพอดี อีกทั้งขนมปังที่เธอปิ้งไว้ก็เด้งขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน เธอทำทั้งหมดนั้นกลับมาวางไว้บนโต๊ะ ยิ้มให้ผมหนึ่งทีตามปรกติของเธอที่เป็นคนยิ้มแย้มเจ่มใส แล้วเธอก็เริ่มตักแยมผิวส้มมาทาบนแผ่นขนมปัง
หลังจากที่ผมจัดการขนมปังไปได้กลายคำและชาไปอีกเศษหนึ่งส่วนสี่แก้ว ผมก็สงสัยว่าทำไมโจฮานน่าถึงตื่นเช้าขนาดนี้ในวันแรกของวันหยุดยาว… เธอกำลังประสบกับปัญหาเดียวกับผมหรือไม่ ผมนึกดีใจเพราะอาจจะได้เพื่อนร่วมปัญหามาช่วยกันปรับทุกข์ แต่แล้วก็คิดขึ้นได้่ว่าหลายวันมานี้รูมเมทหลายๆคนแยกย้ายกันกลับบ้านหาครอบครัวเนื่องในโอกาสคริสต์มาส และหลายๆคนก็ต้องตื่นเช้าเพื่อไปขึ้นรถไฟหรือเครื่องบินกลับบ้าน คิดๆไปแล้วโจฮานน่าน่าจะตื่นเช้ามาเพื่อเหตุนี้เสียมากกว่า ผมจึงถามเธอไปว่าเธอจะกลับบ้านวันนี้หรือ ถึงได้ตื่นเช้าเช่นนี้
คำตอบที่เธอให้กลับมานั้นน่าตกใจยิ่งนัก เพราะมันไม่ตรงกับสักข้อสันนิษฐานที่ผมได้ตั้งไว้แต่อย่างใด เธอบอกว่าเธอตื่นเช้ามาเพื่ออ่านหนังสือ และจะอยู่อ่านที่นี่จนถึงวันคริสต์มาสค่อยกลับไปสังสรรค์กับครอบครัว แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่โจฮานน่าตื่นมาอ่านหนังสือเช้าขนาดนี้ เพราะเธอทำเช่นนี้มาเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว
คุยกันไปคุยกันมาเรื่องเรียนก็มาถึงตอนที่โจฮานน่าบ่นเรื่องอาจารย์คนหนึ่งที่มหาลัยที่สอนโดยใช้วิธีอ่านจากหนังสือให้นักเรียนในห้องฟัง ผมรู้สึกดีใจที่ในที่สุดผมได้มีเพื่อนร่วมปัญหามาร่วมกันปรับทุกข์ (แม้จะไม่ใช่ปัญหาการตื่นเช้าในวันหยุดก็ตาม) ผมเคยพบกับอาจารย์ที่สอนแบบนี้มาหลายคนแล้ว และผมก็เกลียดการสอนแบบนี้เป็นที่สุด เพราะผมเห็นว่ามันไม่ต่างอะไรกับการที่ให้นักเรียนนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านแต่อย่างใด แล้วชั้นเรียนจะมีประโยชน์อันใด? ผมถึงกับต้องรีบแบ่งปันประสปการณ์ที่ผมเคยมีมาเล่าไปให้โจฮานน่าฟัง
แต่แล้วโจฮานน่าก็ได้เล่าถึงตอนจบแบบหักมุมของนิทาน(เรื่องครูอ่านหนังสือให้นักเรียนฟังเป็นการสอน)ที่ฟังและบ่นกันมามากมายและนมนานในหมู่นักเรียนนักศึกษา เธอบอกว่าก่อนหมดภาคเรียนแรกนั้นทางมหาวิทยาลัยได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาประเมินการสอนของอาจารย์ในแต่ละวิชา นักศึกษาในชั้นเรียนของอาจารย์ดังกล่าวก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองกันอย่างถูกต้อง โดยบอกไปถึงปัญหาที่ครูสอนโดยใช้วิธีการอ่านให้ฟัง และอีกหลายๆปัจจัยซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของพวกเขา โดยในชั่วโมงเรียนก่อนวันหยุด อาจารย์คนนี้ก็ได้มาพูดขอโทษนักเรียนทั้งห้องและนำหนังสือมาให้ดูสองเล่ม หนังสือทั้งสองเล่มนั้นคือหนังสือว่าด้วยการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ดี เขาบอกกับทุกคนว่าระหว่างวันหยุดยาวนี้เขาจะอ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้และจะปรับปรุงรูปแบบการสอนของเขาทันทีเมื่อเปิดภาคเรียนถัดไป นักเรียนทั้งห้องปรบมือชื่นชม
คราวนี้ผมถึงกับตะลึงในตอนจบของเรื่องนี้ ไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่ง(เท่าที่ผมได้เคยพบปะมาที่เมืองไทย)มักจะถือว่าตัวเองเป็นคนมีความรู้และอยู่ในระดับที่เหนือกว่านักศึกษา จะยอมกล่าวขอโทษและถ่อมตนเพื่อพัฒนาการสอน เป็นการพัฒนาเพื่อส่วนรวมของจริง ผมอยากจะเจออาจารย์ท่านนี้จริงๆ เพื่อจะขอเข้าไปจับมือสักครั้ง อยากให้แกเป็นตัวอย่างของทั้งผู้ที่เป็นอาจารย์ หรือแม้จะทำอาชีพอื่นก็ตาม บางทีการที่เราจะยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นและนำมาปรับปรุงตนเองนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย
นี่แหละครับปัญหาและความประทับใจของผมในเช้าวันนี้