มันคืออะไร

.

.

เพื่อไม่ให้บล็อกเงียบเหงาเกินไป เหตุเพราะไอ้ซูมไม่เขียนตามสัญญา

วันนี้มีเรื่องมาเล่าจากสาขาเจนีวา มาดูกันว่าเรามีกิจกรรมอะไรกันบ้าง

(1) เตาผิงนั่นมันคืออะไร

ใครที่เคยมีวาสนาได้ไปเยือนบ้านของบู โจ๊ะเอ๊ะ…. อ้าว ก็โจ๊ะเอ๊ะไง ชื่อโต๊ะที่คณะเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ คณะที่เด็กหล่อๆ น่ะ… โอเค บูเฉยๆ ก็ได้ พิมพ์ง่ายกว่า กลับมาต่อ… ใครที่เคยไปบ้านบูคงจะนึกภาพตามออก เมื่อเราย่างกรายเข้าไป สิ่งแรกที่ทำให้คุณต้องอึ้งก็คือ โทรทัศน์จอใหญ่มาก ใหญ่จนถ้าเราดูหนังก็จะได้เห็นตัวแสดงเท่าตัวจริง

ในใจฆ้อนคิดว่า “จอนี้นะเว้ย ถ้าเล่นบอมเบอร์แมนแม่งต้องมันเหี้ยๆ”

ในใจเจ๋งคิดว่า “ดูหนังการ์ตูน เย้”

ในใจก้ามปูคิดว่า “อยากลองเข้าไปอยู่ในนั้นจัง…”

ในใจผมคิดว่า “อืมมม ถ้าเราชวนบูดูบอลที่นี่คงจะเจ๋งเป้ง”

ในใจมิ้นคิดว่า “โห… อยากได้ อยากได้ อยากได้ อยากได้… (ขี้เกียจพิมพ์ซ้ำอีกสิบคำ)”

ครับ สมาชิกของเราใน movie night วันอาทิตย์รวมบูด้วยก็เป็นหกคน หนังที่เข้าโปรแกรมฉายได้แก่ suckseed กับ black swan

เรื่อง suckseed ก็ดูสนุกดี แต่เห็นฆ้อนไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะดูไปแค่กลางเรื่องก็ลุกออกจากโรงเฉยเลย ส่วนเรื่องที่สอง หากใครอยากรู้ว่าเจ๋งแค่ไหนลองไปหาอ่านใน fb ของมิ้นได้ครับ (โฆษณาคั่น)

ส่วนที่จั่วหัวไว้เกี่ยวกับเตาผิงนั้นก็เพราะว่าที่บ้านบูมีโถแก้วอันหนึ่ง รูปร่างดู modern มาก ตั้มน่าจะชอบและอาจเคยคิดจะเอาไปประดับคอนโดที่เมืองไทยเพราะดูเข้าคอนเซปต์คนเมืองรุ่นใหม่ หลังจากทุกคนงงงวยกันพอหอมปากหอมคอ บูก็ได้แสดงให้ดูถึงการจุดไฟในเตานั้น ซึ่งมันก็ให้เปลวเพลิงลุกโชนสวยงาม เหมาะกับยามค่ำคืนอย่างยิ่ง ถ้าใครมีโอกาสลองไปเยี่ยมชมดูครับ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวเมืองเจนีวาเริ่มจะภูมิใจ

“อุ่นดีมั๊ยวะ บู”

“ไม่เลย ตอนที่ซื้อมานึกว่าอุ่น นํ้ามันที่เติมก็แพง”

“อ๋อ แบบนี้นี่เองที่ซูมกับเจ๋งเรียกเตาเผาตังค์”

“อืมม ตอนแรกที่ฟังว่าเผาตังค์ก็นึกว่าไว้ใช้เผากงเต๊ก…”

ประโยดสุดท้ายนั่นผมไม่ได้พูดนะ…
.

.

เล่าอีกกิจกรรมให้ฟังต่อดีกว่า ไหนๆ ไอ้ซังก็ไม่ยอมเขียนอะไรมาขัดจิตพวกเราเสียที

.

.

(2) เขียวๆ นั่นมันคืออะไร

วันแห่งกิจกรรมยังคงคุกรุ่นเมืองเจนีวา คุขนาดที่ว่ามีชาวเมืองอื่นมาสมทบกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากชาวซูริคหนีภัยกลับเมือง คราวนี้หนุ่มเมืองหลวงก็ได้หอบหิ้วหนุ่มโลซานน์กันมาตั้งโรงเรียน “ศิลปะการวาดภาพสีน้ำมันให้ไม่เหมือนต้นแบบ” ณ ห้องนั่งเล่นของปุเรงขนาดหนึ่งเตาผิงแห่งนี้ หากใครสนใจชมผลงานที่ออกแสดงก็เชิญชมได้ที่ fb ของเจ๋ง

อาจารย์ยอด มิ้น(ป.โท) เจ๋งและวัส(ป.ตรี) เมื่อได้โจทย์ของตัวเองก็เริ่มลงมือวาดกันอย่างไม่รอช้า วาดไปลงสีไปก็เริ่มมองงานของคนอื่นไป เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นในใจ และบางอาการถูกเปล่งออกมาเป็นคำพูดด้วย

“เฮ้ย… ทำไมของมันดูสวยกว่ากูวะ”

“อืมมม… ใช้สีตามมันดีมั๊ย”

“ทำไมภูเขามันวาดยากอย่างนี้ว่ะ กูมั่วเลยแล้วกัน”

“ลงสียังไงให้มีความลึกล่ะ”

“พี่มิ้นแม่ง ป.โทจริงๆ ด้วยว่ะ” (โฆษณาคั่น)

“ของกูทำไมออกมาเป็นงี้วะ”

“ยอดแม่ง impressionism ว่ะ”

“เหี้ย.. อยากไปปารีสด้วย”

“ไอ้วัสมันต้องเคยเรียนวาดรูปมาก่อนแน่ๆ เลย”

“ถ่ายรูปผลงาน”

.

.

“เจ๋ง เขียวๆ นั่นอะไรวะ”

.

.

 

หวั่นไหว …

ข่าวเด็ดประจำสัปดาห์นี้ ซ้อขอข้ามรายงานข่าวอีเว้รโปรวองซ์ไปก่อนนะคะ เพราะได้ข่าวว่ามีอาแปะรายงานไปซะครอบคลุมครบทุกเหตุการณ์ ซ้อเลยขอเปลี่ยนมาเม้าคนที่ไม่ได้ไปบ้างนะคะ หึ หึ หึ

 

เมื่อวาน ซ้อไปนั่งโรแมนติกริมเลคมากับเพื่อนสาวๆ หวังใจว่าจะดูราหูอมจันทร์ แต่หาได้เห็นไม่ เนื่องจากภูเขาที่ Evian ดันมาบังราหูที่จะอมจันทร์ไปซะก่อน ซ้อเลยอดเห็น คอตกนั่งรถ metro กลับบ้านหงอยๆคนเดียว ในขณะที่เพื่อนสาวก็แยกกลับบ้านไปอีกทาง (ซ้ออยู่บ้านนอกค่ะ)  ขณะที่นั่งรอรถออกตามลำพัง ตัวก้มดู iphone เพื่อเช็คข่าวแก๊งค์เด็กนัก(ไม่)เรียนทาง FB ฉับพลันก็มีร่างท้วมๆร่างหนึ่ง กลิ้งหลุนๆมานั่งข้างๆ ซ้อหันไปดูก็เห็นน้องซิง หนุ่มเจ้าเสน่ห์ประจำเมืองโลซานน์หันมายิ้มเผล่เข้าให้ เฮ่อ โล่งใจ นึกว่ามีฝรั่งมาจีบ

“หวัดดีครับซ้อ แหม มาคนเดียวอย่างเคยนะครับ”

‘ไอ้อ้วน’  เปล่าค่ะ ซ้อไม่ได้ด่าออกไป…แค่คิดในใจ

“ว่าไง ซิง อ้วนขึ้นนะเนี่ย”

“แหม มีแต่คนทัก” พูดพลางเหลือบหันไปเช็คทรงผมที่่เงาในกระจกรถเมโทร พยายามทำแก้มตอบ

“แล้วไงเนี่ย มากะใครน่ะนั่น” ซ้อพูดพลางหันไปมองสาวน้อยหน้าหมวยที่ส่งสายตาให้ซิงอยู่ไกลๆ

 

“เพื่อนน่ะครับ”ซิงบอกพร้อมทำหน้าหล่อแบบมีลับลมคมใน หันไปพยักเพยิดกับเพื่อนให้มานั่งด้วย แต่สาวเจ้าทำหน้างอนหาได้ยอมเดินมานั่งด้วยไม่

 

“สาวสิงคโปร์รึปล่าว” ซ้อกระซิบถาม เก็บข้อมูล

 

“ไม่ใช่ครับ คนนั้นเค้ากลับบ้านไปแล้วครับ”

 

“แหม สาวที่ไหนรู้จักซิงนี่ เค้าหนีกลับประเทศกันไปหมดเลยนะ”

ซิงหันขวับพร้อมกับทำหน้าตาไม่ไว้วางใจ ซ้อเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง

 

“ซิง เสาร์อาทิตย์นี้ทำไร” ถามตามมารยาทแบบที่ฝรั่งเค้าชอบถามกัน

 

“แหม ไม่ว่างหรอกครับซ้อ… ช่วงนี้”  ซิงพูดพร้อมกับทำหน้าหล่ออีกที ใบหน้ากลมๆขณะนี้ ยิ้มเย้ยราวกับจะพูดออกมาว่า ……….ถามมาเลย ถามมาเลยสิว่าจะไปไหนกับใคร……….

 

“โห แหม แหม แหม …. ลิลลี่ มาล่ะซืี้ มารับปริญญาเหรอ”

 

ชายหน้ากลมไม่ตอบ แต่อมยิ้ม แต่ยิ้มนี้คงใหญ่มาก เลยทำให้หน้ากลมไปหมด

“แล้วไง จะพาเค้าไปไหน” ซ้อถามยิก

 

“ก็คงไม่ไปไหนหรอกครับ เค้าพาน้องสาวเค้ามาด้วย” พูดไป ซิงทำตาเป็นประกายวาวๆ “ผมก็คงขลุกอยู่แต่ที่โบสถ์ล่ะครับอาทิตย์นี้ คงไม่ได้ไปไหนกับพวกพี่”

 

ซ้ออยากจะจะพูดว่า ‘กรูยังไม่ได้ชวนเลย’ แต่เสไปถามเรื่องอื่นแทน

“อันนี้รึปล่าว ที่เขียนบนเฟซบุ๊คเรื่องหวั่นไหวๆ”

ซิงก็ทำหน้าล่อกแล่กกระซิบบอกว่า

.

.

“น้องสาวเค้าน่ารักมากเลยครับ น่ารักกว่าคนพี่อีก”

 

ซ้ออ้าปากค้าง อีนี่ มันเคยจีบคนพี่ไม่ใช่รึ

 

เหลียวมองไปรอบๆ สาวหมวยคนเดิมหันมามองด้วยสายตาเศร้าสร้อย น้องซิงมองเห็นพอดี คาดว่าคงจะหวั่นไหวมาก จึงหันมาบอกซ้อด้วยเสียงเบาๆ กลัวเค้าได้ยิน

“ผมต้องไปก่อนนะครับซ้อ เพื่อนผมคนนี้เค้าจะกลับประเทศเค้าพรุ่งนี้แล้ว” และประโยคต่อไปซิงทำเสียงเบาแทบกระซิบ

.

.

.

…….“สาวคนนี้ก็เป็นหนึ่งในกิ๊กผมครับ” …….

 

ปล ระหว่างที่นั่งรถกับซิงไม่ถึงห้านาที ใครนับได้มั่งว่ามันพูดถึงสาว(ที่ทำให้หวั่นไหว)กี่คนแล้ว (ไม่นับซ้อนะ)

ข่าวด่วนข่าวดึก โดยซ้อเจ็ด

วันนี้ซ้อก็มีเรื่องคาวๆของดารามาอัพเดทเช่นเคย หลังจากที่ซ้ออู้ไปเที่ยวมาหลายอาทิตย์ ถึงซ้อจะยังยังไม่ได้เขียนตอนจบของคอลัมภ์ที่แล้ว แต่ซ้อมีข่าวเด็ดข่าวด่วนมาคั่นเวลาก่อน หวังว่าคงจะถูกใจแฟนๆทั้งหลาย ก่อนที่จะด่าซ้อเรื่องมาสายไปมากกว่านี้

แหม แล้วข่าวอาทิตย์นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “นางเอกบ้านนอก” ที่เพิ่งมีข่าวร้อนๆไปกับ “พระเอกหน้ามึน”กับ”ตัวร้ายหุ่นล่ำดั้งแหนบ”นั่นเอง รอบนี้เป็นข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ นางเอกบ้านนอกตั้งใจจะหุงข้าวที่บ้านของ “นางรองหน้าเด็ก” หากแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ่เจ้าของบ้านไม่อยู่นางเอกบ้านนอกเลยโทรศัพท์ไปหานางรองหน้าเด็ก

“เจ๊ ….ทำไงดี๊…..” นางเอกบ้านนอกกรีดร้อง

“อ้าว ว่าไง”นางรองหน้าเด็กส่งเสียงทักจากที่ทำงาน ขณะนั่งอยู่หน้าคอม

“ทำไมหม้อหุงข้าวบ้านเจ๊มันแปลกๆอ้ะ เนี่ยตอนเนี้ย พอกดปุ่ม cook เสร็จแล้วทำไมมันเหลือตั้ง ห้าสิบนาที cook อ๊า….อีหม้อข้าวบ้านี่ เมืีอกี้ไปอาบน้ำ มันยังขึ้น 36 นาทีอยู่เล้ย…”

“เอ่อ” นางรองนั่งนึก เฮ้ย หม้อหุงข้าวคู่บ้านคู่เมืองของกรู ปกติมันจะขึ้นว่าเหลือเวลาเท่าไหร่ ซักตอนสิบนาทีก่อนสุกนี่หว่า หม้อชั้น มันจะเป็นไรมั้ยเนี่ย

“ไหนลองกดใหม่ซิ cancel แล้ว กด cook ใหม่ เอ๊ ปกติมันต้องขึ้นเวลาสิ”

“อ๊าย เนี่ย…กดใหม่แล้ว มันขึ้นว่าเหลือ 51 อ๊าาาา ทำไมมันบอกนาทีเพิ่มขึ้นล่ะ ไม่ลดลง”

“เฮ้ย งั้นลองดึงปลั๊กออกซิ”

“อร๊าาาายยยย….ตอนนี้พอถอดปลั๊กแล้ว มันขึ้นเป็น ห้าสิบสองอ๊าาาาาาาา” นางเอกบ้านนอกกรีดร้อง เยอะมาก

“เอ้า เฮ้ย” นางรอง เริ่มใจเต้น สายตาเหลือบไปหน้าจอคอม ที่บอกเวลา เที่ยงห้าสิบสองนาที

“เอ่อ” นางรองหน้าเด็กส่งเสียงกลับไปเรียบๆ “ไหนดูอีกทีซิ มันใช่ 00h52 รึปล่าว”

……แป่ว……

สาวบ้านนาถูกลวง หนุ่มเมืองหลวงโดนปล่อยคลิป (1)

ณ เมืองในหุบเขาอันไกลโพ้น
อพาร์ทเมนต์ขนาดย่อมแห่งหนึ่งริมเขาให้ที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับเด็กรุ่นจำนวนเจ็ดคน
ซึ่งข้ามน้ำข้ามทะเลสาบมาเยี่ยมเพื่อนแห่งเมืองหุบเขา

ภายนอกอบอวลไปด้วยอากาศแสนสบายตอนสายๆของวันอาทิตย์
หากแต่บรรยากาศในห้องดูรีบเร่ง
บนโต๊ะอาหารถูกบดบังไปด้วยจานชามและภาชนะหลากชนิด แต่ละใบล้วนแต่บรรจุแน่นไปด้วยอาหารปริมาณเลี้ยงคนได้ห้าสิบคน

เหมียวแม่ครัวหน้าเด็ก ยกอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
ขณะที่สาวหน้าใสสองคน ปรี๊ดกับ ต้องกำลังง่วนอยู่กับการตักอาหารใส่ถุงสำหรับทุกคนในมื้อกลางวันก่อนออกเดินทาง

“เฮ้ย…สิบโมงครึ่งแล้ว จ๊าบว่าจะมาสิบเอ็ดโมง ว่าแต่ว่า มันจะตื่นรึยังวะ” ต้องนึกขึ้นมาได้

“นั่นสิ พี่จ๊อด พี่จ๊อด โทรไปถามพี่จ๊าบซิ ตื่นรึยัง” ต๊อบหนุ่มน้อยมาดขรึม โผล่หน้้าตะโกนสั่งมาจากห้องครัวขณะล้างจานอยู่

จ๊าบคือเด็กสาวบ้านนอกหน้าใสใจซื่อ เธอเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดทริปครั้งนี้ ให้เพื่อนๆต่างเมืองได้มาพักผ่อนในจังหวัดของเธอบ้าง เธอจึงต้องรับหน้าที่เป็นไกด์และหัวหน้าทริป โดยมีสวย สาวสวยของเมืองเป็นผู้ช่วยมือหนึ่ง
ทั้งสองสาวตระเตรียมข้าวของสารพัด รวมไปถึงที่พักแห่งนี้ด้วยส่วนตัวเธอทั้งสองต้องไปพักที่อื่น เพื่อให้เพื่อนๆได้พักอย่างสบาย

จ๊อดล้วงหยิบมือถือโทรหาจ๊าบตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

จ๊อดเป็นเด็กหนุ่มเมืองกรุงคนเดียวในทริปจากประสบการณ์ของคนเมืองหลวงจ๊อดจึงเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมทันคน ไหวพริบแพรวพราว ผิดกับจ๊าบ ทุกคนถึงได้สงสัยว่าทำไมสองคนนี้จึงสนิทกันได้

“มันตื่นแล้วล่ะ เดี๋ยวมันกำลังออกจากบ้าน” จ๊อดตอบหลังจากวางหูจากจ๊าบ

“อ้าวเฮ้ย อีเฮีย นี่มันจะสนใจ Cosmo อะไรกันนักหนาเนี่ย” ปรี๊ดตะโกนแซวตุ้ม อดีตนักมวยมือสมัครเล่นที่ผันตัวเป็นหนุ่มโรงงาน ขณะกำลังขะมักเขม้นอ่านบทความในหนังสือ Cosmopolitan อยู่ตรงหน้า

“โห พี่ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย ว่า cosmo มันจะมีรูปผู้ชายเปลือยแบบนี้” ตุ้มพูดไปเช็ดน้ำลายไป
ลุกขึ้นเตรียมหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ พร้อมกับหันมายื่นหนังสือให้ต้อง

“เอ้า ซ้อ เอาไปอ่านป่าว หนุ่มกรุบกรอบน่าทานทั้งนั้นเลย”

“มาเรียกชั้นซ้อ มีพี่ชายรึปล่าว….” ต้องยังบ่นไม่ทันจบประโยคก็อ้าปากเหวอ เพราะมีมือขาวๆมือหนึ่ง
รีบคว้าหนังสือไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ใครจะคว้าได้

“เฮ้ยยยย น้องชอน ชอบแบบนี้เหรอน้อง”
หลายเสียงประสานพร้อมๆกันเมื่อเห็นว่ามือที่ รีบมาคว้าหนังสือเล่มนั้นคือ น้องชอน
หนุ่มอายุน้อยที่สุดในทริป ผู้มีพี่ชายลักษณะอวบระยะสุดท้าย เป็นคนส่งน้องชายมาเที่ยวแทนตัวเอง

น้องชอน หนุ่มน้อยขาเดฟยิ้มเอียงอาย
พร้อมส่งเสียงเบาๆว่า “ผมแค่จะเอาไปเก็บให้ครับพี่” ….

.

.

.

.

“นี่ นี่ ทุกคน เจ๊จ๊าบจะมา เรามาเล่นซ่อนแอบกันดีกว่า” ปรี๊ดโพลงขึ้นมาขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของเตรียมออกจากบ้าน

“แหม เล่นเป็นเด็กๆ” จ๊อดทำเสียงรำคาญ ขณะเอื้อมมือหยิบกางเกงในตุ้มที่วางทิ้งไว้บนโซฟามาพับเก็บให้

“เอาสิๆ แต่จะแอบๆในห้องแบบนี้เดี๋ยวมันก็หาเจอน่ะสิ” เหมียวพูดพลางมัดถุงข้าวถุงสุดท้ายอย่างคล่องแคล่ว

“ก็ออกไปข้างนอกสิ” ต๊อบเริ่มวางแผน

ทุกคนมองออกไปข้างนอกระเบียงของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ ซึ่งเป็นทางออกสู่สวนสวย ดอกไม้แข่งกันบานรับฤดูใบไม้ผลิ

“ก็เอาไอตุ้มเนี่ยแหละรอให้มันออกจากห้องน้ำแล้วใช้ให้มันไปเปิดประตูให้จ๊าบเพราะมันยังไม่รู้ว่าเราจะไปซ่อน พอมันกลับเข้ามาก็ทั้งตุ้มทั้งจ๊าบก็งง ว่าคนอื่นมันหายไปไหนวะ เนียนดี” ต้องเริ่มครุ่นคิด  “แต่ว่าประตูก็ต้องเปิดอยู่สิ ใครจะปิดให้ทันล่ะ หรือคนนึงต้องซ่อนข้างใน”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมโดดออกหน้าต่างเอง” ต๊อบเสนอตัว

อ๊อออออดดดด

“เฮ้ย” ทุกเสียงประสานพร้อมกัน “มันมาแล้วววววว”

“เฮ้ย ทุกคนออกไปซ่อน เดี๋ยวผมจัดการเอง เดี๋ยวผมปิดประตูให้” จ๊อดประกาศกร้าว “เดี๋ยวผมจะทำท่าตกใจที่ทุกคนหายไปเอง ดีมั้ย ผมเล่นละครเก่ง” ทุกคนหันไปมองจ๊อดเป็นตาเดียว ไรวะ ไหนเมื่อตะกี้มันเพิ่งบอกว่าเล่นเป็นเด็กๆ

อ๊อออดดดดดด ดดดดดดดดดดดดดดดด

ออดรอบที่สองเริ่มดังยาวกว่าเดิม บ่งบอกถึงอารมณ์คนกด
ทุกคนเริ่มตัดสินใจวิ่งออกนอกระเบียงอย่างไม่สนใจรองเท้า

ต๊อบ ต้อง เหมียว ปรี๊ดและชอน วิ่งออกจากห้องไปกองรวมกันอยู่ที่หนึ่งโดยไม่มีใครสนใจว่ามันคือที่ไหน รู้แต่ว่าต้องห่างจากจ๊าบให้มากที่สุด

เสียงอู้อี้ๆ แรกๆฟังไม่ชัด ว่าจ๊อดพูดอะไรกับจ๊าบ เหมียวเริ่มขยับนำเพื่อนๆไปซ่อนเบื้องล่างหน้าต่างห้องครัวที่เปิดอยู่
เพื่อทุกคนจะได้ยินเสียงจากข้างในชัดเจน

“อะไรกันวะ” เสียงจ๊าบกรีดร้อง

“ก็นั่นแหละ เค้าว่าว่าจะเดินไปเรื่อยๆ รอจ๊าบไม่ไหว”

ทุกคนหันมามองหน้ากันอย่าง งงๆ นี่มันแผนอะไรของจ๊อดวะ
เป็นเรื่องเป็นราวมาก มีออกไปเดินเล่นด้วย ไหนตอนแรกจะทำเป็นงงเฉยๆ

“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย อะไรกัน” เสียงตุ้มโวยวายออกมา
สงสัยจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

“อ๊ายยยยยย แล้วนี่อะไรกัน อีพี่ตุ้มนี่ก้อ มันจะอะไร
มานุ่งผ้าเช็ดตัวตัวเดียวออกมาแบบนี้ น้องเป็นผู้หญิงนะ” เสียงจ๊าบดังไม่หยุด

“แล้วมันจะอะไรกัน ก็บอกว่าออกสิบเอ็ดโมงครึ่งไงจ๊าบก็มาถึงสิบเอ็ดโมงก็ไม่ถูกรึไง
แล้วมันจะออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ยังไง เมิงนี่!”

เสียงบ่นดังแว่วมาเป็นระยะ สลับกับเสียงเงียบไปเมื่อป้อนไส้กรอก ขนมปัง และไข่ดาวเข้าปาก

“อร๊ายยยย แล้วไอคุณพี่ตุ้มนี่มันทำไร อี๊ยยยยยยยยยย ทู่เร่ดที่ซู้ ดดดดด จะเอาไดร์เป่าผมไปเป่าใต้ผ้าเช็ดตัวได้ยังไงแล้วคนอื่นมันจะใช้ต่อได้ยังไง จ๊าบจะบ้า”

เสียงเงียบไปครึ่งวินาที ตอนนี้คาดว่าเป็นรอบของข้าวผัดกระเพรา

จ๊อดเพิ่งได้โอกาสพูดแทรก

“เออ เฮ้ยไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราก็ไปเที่ยวกันสามคนเนี่ยแหละ”

“พวกนี้นี่ ได้ข่าวว่าจ๊าบเป็นไกด์นะ แล้วทำไมไม่รอกันล่ะ แล้วมันจะเดินกันออกไปถูกมั้ย เดี๋ยวก็หลงกันหมดพอดี
นี่สวยเค้าก็รออยู่ในเมืองแล้ว แล้วจะเจอกันยังไง รู้เหรอว่าจะขึ้นรถที่ไหน หอยหลอด”

เหมียว ต๊อบ ปรี๊ด ชอนและ ต้อง หันมามองหน้ากันแบบไม่ไหวแล้ว ทุกคนหัวเราะราวกับคนบ้า แต่หาได้มีเสียงซักแอะ
เล็ดลอดออกมาได้ไม่ เกร็งท้องเป็นที่สุด

“แล้วอะไรเนี่ย เสื้อผ้าก็ไม่เอาไปด้วย เดี๋ยวมันหนาวนะ แล้วมันจะตายกันนอกบ้านมั้ยเนี่ย นี่จ๊าบโทรหาแต่ละคนก็ไ่ม่รับ อ้าว นี่พี่ต้องไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย แล้วมันจะติดต่อกันยังไง อีพวกนี้นี่”

ติ๊ดๆๆๆๆ โทรศัพท์ต๊อบดังขึ้นข้างตัว

ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว ต๊อบรีบรับโทรศัพท์แล้วทำเสียงเข้ม

“ว่าไงครับ พี่จ๊าบ พวกผมออกมาก่อนเพราะพี่จ๊าบมาช้า…” ต๊อบยังต่อไม่ทันจบประโยค

เสียงกรีดร้องของจ๊าบก็ดังจากในบ้าน “หอยหลอด ….แกไม่ต้องมาอำ ชั้นเห็นแกแล้ววววว “

.

.

.