สารคดี ปรากฏการณ์ธรรมชาติกับความรัก

เอาล่ะค่ะ ได้ฤกษ์ที่พี่จะเริ่มเขียนบล็อคแล้วนะคะ

ขอเป็นอีกคนนึงที่พูดถึงความรักบ้าง อิอิ เนื่องจากวัยพี่ถึง (จนจะเลย) แล้ว

แต่พี่ยังไม่อยากจะประยุกต์ความรักกับวิชาชีพสถาปัตยกรรมของพี่ แบบที่นัตเขียนถึงเศรษฐศาสตร์ เพราะพี่กลัวหลายๆคนแถวๆนี้ จะเอาชีวิตรักพี่ไปเปรียบเทียบกับโครงสร้างชนิดหนึ่ง ที่มีหน้าท่ี่เชื่อมหัวเสาเข้าด้วยกัน -_-‘

ทีนี้เนื่องจากพี่เกิดมานานสุดใน Rue des Paquis25 พี่เลยอุปโลกตัวเองว่าผ่านปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆมามากที่สุด ขณะเดียวกันก็เห็นความรักในรูปแบบต่างๆมามาก อาจจะไม่ได้พบเข้าด้วยตัวเอง แต่ก็ได้เห็นและได้ยินมาบ้าง พี่จึงหาญกล้าที่จะเปรียบเทียบว่า ที่จริงแล้ว ความรักรูปแบบต่างๆที่เราให้หรือเรารับมา ก็ไม่ต่างจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราสัมผัสอยู่ทุกวัน เป็นจริงที่ว่า Love is actually all around วลีเด็ดจากหนัง Lover actually

ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์เกิดและอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้ หาได้เกิดจากความชาญฉลาดและการปรับตัวเข้าหาโลกของมนุษย์อย่างเดียวไม่ นอกจากสิ่งแวดล้อม ป่า เขา ลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารมนุษย์ ธรรมชาติก็ส่ง ปรากฏการณ์ธรรมชาติ มาเป็นเครื่องมือช่วยในการอยู่รอด หรือ บางครั้งก็เป็นบททดสอบมนุษย์ สิ่งเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือในรูปแบบกายภาพ ขณะเดียวกัน มนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์สังคมก็แสวงหาที่พึ่งทางใจ ความรักก็เป็นสิ่งหนี่่งที่สำคัญที่ธรรมชาติส่งมาเพื่อให้มนุษย์อยู่รอด และ/หรือ ทดสอบมนุษย์เช่นเดียวกัน

ธรรมชาติส่งแสงแดดมาให้มนุษย์ เพื่อความอบอุ่น เพื่อการมองเห็น สังเคราะห์วิตามินดี ควบคุมฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย และอื่นๆอีกมากมาย แทบจะเรียกได้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้เพราะแสงเลยทีเดียว  มันก็เหมือนกับมนุษย์เกิดมาได้จากพ่อแม่ ได้รับความรักของพ่อแม่ หรือ ผู้ใหญ่ที่หวังดีต่อเราก็เปรียบเหมือน ได้รับแสงแดดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันเป็นความรักความอบอุ่นที่ไม่มีวันหมด และไม่หมดอายุ ทุกคนต้องการแสงแดด แต่จะต้องการมากน้อยแตกต่างกันไป คนที่มาจากที่ที่มีเยอะอยู่แล้วอาจไม่ค่อยเห็นค่าด้วยเห็นเป็นความเคยชิน มากไปก็อาจจะรำคาญ แตกต่างจากคนที่ขาดแคลนก็จะเรียกหา  การขาดแสงไปนานๆอาจทำให้เป็นโรคได้ หากอากาศหนาว แดดก็จะช่วยให้เราอบอุ่น แต่สำหรับหน้าร้อนบางทีก็่ได้รับมากไปมันอุ่นจนเกินไป

หากร้อนนักธรรมชาติก็ส่งลมเย็นๆ ลมเบาๆช่วยดับร้อน ดับไอแดด บางครั้ง ลมก็พัดพากลิ่นหอมของดอกไม้มาให้ชื่นใจ แต่บางครั้ง ลมก็หอบเอาฝุ่นละอองมาให้รำคาญใจ ลมน้อยๆเป็นที่ต้องการ แต่ลมแรงๆก็เกิดวินาศสันตะโรได้ เทียบดูแล้ว พี่ว่า มันคล้ายๆกับมิตรภาพนะ คนเราอยู่โดยปราศจากมันได้ แต่่น้อยคนที่ปรารถนาจะอยู่โดยไม่มีมัน เพื่อนที่ดีย่อมนำพาความหวังดีและสิ่งที่ดีมาให้ แบบที่เรียกว่ากัลยาณมิตร ขณะเดียวกัน ก็ใช่ว่าจะไม่มีเพื่อนที่มาก่อความวุ่นวาย นำเอาเรื่องยากลำบากมาให้แล้วก็หนีหายไป

มีแดด มีลมแล้ว หลายคนก็คงนึกถึงฝน ให้ทายเล่นๆว่าพี่จะเปรียบเทียบกับอะไร

ใช่แล้วค่ะ มันคือความรักความสัมพันธ์แบบหนุ่มสาว ฝนตกมาทีก็ทำให้เราชื่นใจ กระชุ่มกระชวย ฝนตกลงมีก็มีทั้งสุขและทุกข์ บางทีฝนก็ตกปรอยๆพอชื่นใจ บางทีก็พาเอาฟ้าร้อง ฟ้าผ่ามาทำให้ตกอกตกใจ ฝนตกมากเกิน ก็เกิดอุทกภัย นำความเดือดร้อนกับชีวิตและทรัพย์สิน ทุกอย่างคงต้องมีความพอดี มากไปน้อยไปก็ไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าความพอดีมันอยู่ตรงไหน ถามว่าเราขาดฝนได้มั้ย หากไม่มีฝน ต้นไม้บางต้นอยู่ได้ ทะเลทรายอยู่ได้ แต่ ระบบนิเวศทั้งหมดมันจะ แหล่งน้ำต่างๆก็คงแห้งขอด ขาดน้ำไปนานๆมนุษย์ก็อาจตายได้ เหมือนกับถ้าไม่มีความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ มนุษย์ก็มีสิทธิ์สูญพันธุ์ สังเกตว่าพี่จะใช้คำว่าความสัมพันธ์ เพราะพี่อยากจะยกความรัก ซึ่งหมายถึงความเป็น “รักแท้” ไว้ในอีกหัวข้อนึง

สังเกตมั้ยว่า ฟ้าหลังฝนจะใสสวยงาม และบางครั้งจะปรากฏสายรุ้งแสนสวย ทำสะพานโค้งอยู่ที่ขอบฟ้า รุ้งจะมากับสายฝน แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่มีฝนจะมีรุ้ง

ทำไมน่ะเหรอ

คือจริงๆแล้ว รุ้งมันเกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์ที่ทำองศาต่างๆกันไป ตามแต่ละอองน้ำมันจะทำมุมไหนกับแสง และทำให้เห็นแถบสีไหนของแสงอาทิตย์ ฯลฯ  ถ้าจะเอาจริงๆพี่ว่าคงต้องไปถามท้อป เดี๋ยวพี่อธิบายผิดๆถูกๆไปจะโดนว่า (แหะๆ) ทีนี้เรื่องของเรื่องก็คือ พี่จะบอกว่า ความสัมพันธ์หญิงชาย (หรือ ชายชาย หรือ หญิงหญิง) ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะเป็นรักแท้ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งของฝนจะต้องมีรุ้ง มันขึ้นกับลักษณะของแสงและละอองน้ำว่าจะทำมุมกันได้พอดีมั้ย รุ้งแสนสวย แต่จับต้องไม่ได้ ก็เหมือนกับคำว่ารักแท้ ที่ฟังดูสวยงามแต่ไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงมั้ย รักแท้มีจริง ที่เราจับได้สัมผัสได้ พี่ไม่ได้จะเปรียบเทียบแค่รุ้งสายหนึ่งที่เราได้แค่มอง

น้องๆคงเคยได้ยินเรื่องขุมทรัพย์ที่ปลายรุ้งนะคะ

จริงๆแล้วพี่คิดว่ารุ้งเป็นเหมือนพาหนะที่ทอดนำทางให้มนุษย์เดินทางไปยัง สุดปลายรุ้ง  เพื่อเจอที่ซ่อนของขุมทรัพย์ หลายคนอาจเห็นรุ้ง หลายคนตามมันไป แต่หลายคนคงไม่สนใจที่จะตามไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ทีนี้ลองตามรุ้งมาเรื่อยๆนะคะ

คนที่เดินตามมันไป แถวๆปลายทาง สุดท้ายมันก็คงเหมือนกับที่ทุกคนรู้ว่า มันไม่มีหีบทอง หรือ เพชรพลอยในหีบสมบัติอยู่จริงหรอก แต่มองไปรอบๆ อาจได้เจอกระท่อมผุๆพังๆ แต่ให้ที่พักพิงและความอบอุ่นได ้เขาหรือเธอคนนั้นอาจจะพร้อมที่จะปักหลักอยู่ตรงนี้ บางคนอาจเจอแค่เสื้อเก่าๆตัวหนึ่ง หากลองหยิบมาใส่ อาจจะรู้สึกว่าใส่มันได้พอดีอย่างประหลาดเขาก็พาเอาเสื้อตัวนั้นกลับไปด้วย  ในขณะที่บางคนอาจจะโยนทิ้งไปไม่เห็นค่า มองหาแต่แก้วแหวนเงินทองหรืออะไรที่พอจะเรียกได้ว่า ขุมทรัพย์

บางคนก็เดินไปจนจะสุดทางแล้ว ดันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า กูเดินผิดฝั่งรึปล่าววะ รุ้งมันมีสองขา ขานี้ไม่เจอ ก็ไปหาเอาที่ขาอีกข้างก็ได้ พร้อมก้าวต่อไปด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม กับกำลังขาที่แข็งแรง บางคนอาจหมดแรง ท้อ และไม่อยากเดินต่อไปแล้ว

ดีใจด้วยตรงนี้นะคะ สำหรับคนที่คิดว่าเจอของที่ถูกใจปลายรุ้งแล้ว และขณะเดียวกันก็ขอให้กำลังใจสำหรับคนที่ยังตามหาอยู่ต่อไป ตัวพี่เองก็เดินทางอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่เหนื่อยเพราะพี่มีลมเย็นๆพัดผ่านตลอดเวลา พร้อมๆกับมีแดดอ่อนๆส่องนำทางให้เช่นกัน  :J